พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 9.รตนวรรค 1.อันเตปุรสิกขาบท นิทานวัตถุ
ขณะนั้นอุบาสกนั้นไม่ถวายบังคม ไม่ลุกรับเสด็จพระเจ้าปเสนทิโกศล เพราะ
มีความเคารพต่อพระผู้มีพระภาค
ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงพอพระทัยว่า ไฉนชายคนนี้ เมื่อเรามา
ถึงจึงไม่ถวายบังคม ไม่ต้อนรับเล่า
พระผู้มีพระภาคทรงทราบว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลไม่ทรงพอพระทัย จึงได้ตรัส
กับพระเจ้าปเสนทิโกศลดังนี้ว่า มหาบพิตร อุบาสกคนนี้เป็นพหูสูต จำสิ่งที่ได้
เล่าเรียนมาได้ ปราศจากความกำหนัดในกามทั้งหลาย
ขณะนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลได้ทรงพระดำริดังนี้ว่า อุบาสกนี้ไม่ใช่คน
ตํ่าต้อย แม้พระผู้มีพระภาคยังตรัสพรรณนาคุณของอุบาสกนี้ จึงได้รับสั่งกับ
อุบาสกนั้นดังนี้ว่า อุบาสก ท่านพูดสิ่งที่จะก่อให้เกิดประโยชน์เถิด
อุบาสกกราบทูลว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นเกล้าฯ พระพุทธเจ้าข้า
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระเจ้าปเสนทิโกศลเห็นชัด ชวนให้อยาก
รับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วย
ธรรมีกถา ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลผู้ซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นชัด
ชวนให้อยากรับเอาไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่น
ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว จึงเสด็จลุกจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค ทำ
ประทักษิณแล้วเสด็จไป
[495] ครั้งนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลประทับอยู่บนปราสาทชั้นบน ได้ทอด
พระเนตรเห็นอุบาสกนั้นเดินกั้นร่มไปตามถนน ครั้นเห็นแล้วจึงรับสั่งให้เชิญมาเฝ้า
แล้วได้ตรัสกับอุบาสกนั้นดังนี้ว่า อุบาสก ทราบว่า เธอเป็นพหูสูต จำสิ่งที่ได้
เล่าเรียนมาได้ อุบาสก เธอช่วยสอนธรรมในตำหนักของเราด้วยเถิด
อุบาสกกราบทูลว่า ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมจากพระคุณเจ้าทั้งหลาย
พระคุณเจ้าทั้งหลายเท่านั้นจักสอนธรรมพระสนมของพระองค์ได้
ลำดับนั้น พระเจ้าปเสนทิโกศลจึงรับสั่งว่า อุบาสกกล่าวจริง จึงเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วได้ถวายอภิวาทแล้วประทับนั่ง ณ ที่สมควร